Monday, March 21, 2005

ตายดีกว่า?

รายงานโดย เภา

วันสองวันนี้ติดตามข่าว เทอรี่ ไชโว เช้า-เย็น อยู่ทางเมืองไทยได้ยินบ้างไหม? ทางนี้เป็นข่าวเกรียวกราวหน้าหนึ่ง เรื่องของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ร่างกายตกอยู่ในภาวะอัมพาต สมองไม่ทำงาน ขยับเขยืื้อนทำอะไรไม่ได้ กินอาหารผ่านทางหลอดสายยาง ผู้หญิงชื่อเทอรี่นี้เคยแต่งงานมีสามี แต่แล้วมีกรรมเกิดเป็นอัมพาตเมื่ออายุ 26 ขณะนี้ผ่านมา 15 ปี สามีมีครอบครัวใหม่ และมีลูกกับภรรยาคนใหม่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเทอรี่ตอนนี้พ่อแม่เอากลับมาเลี้ยงดูแล

เรื่องที่ทำให้เป็นข่าวสำคัญก็คือว่า ตอนนี้สามีที่ว่านี้ ด้วยทนเห็นความทุกข์ทรมาณของเทอรี่ไม่ไหว จึงออกมาฟ้องศาลขอศาลสั่งให้เอาหลอดอาหารออกจากเทอรี่ แล้วปล่อยให้เธอตาย สิ้นบุญจากความทุกข์ทรมาณ ที่ประสบมานานนับหลายปี ส่วนทางพ่อแม่ที่ดูแลเธอมา ปฏิเสธที่จะให้เอาหลอดอาหารออก เพราะ เทอรี่นั้นยังเป็นบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังหายใจ ยังลืมตา ส่งเสียงได้ (แม้จะไม่เป้นภาษาก็ตามที) ยังตอบสนอง เมื่อมีคนเข้ามาในห้อง แต่ทางสามีกลับมองในทางตรงข้าม กลับมองเห็นว่าเธอเป็นผักไปแล้ว (ภาษาทางฝรั่งนี้เรียก vegetated) หมายถึงว่าแค่หายใจได้ มีชีวิตก็เหมือนไม่มีชีวิต นายสามีให้การว่าเมื่อเทอรี่ยังอยู่ดี เธอได้บอกกับเขาให้"ช่วย"หยุดชีวิตของเธอ หากเธอต้องตกอยู่ในสภาพทุกข์ทรมาณ นอนเหมือนสิ้นชีวิตดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นายสามีนำความนี้มาอ้างกับศาลว่า ความตายคือสิ่งที่เธอต้องการ แต่แน่นอน ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเทอรี่พูดกับสามีตามที่เขาอ้างจริงหรือไม่ พ่อแม่ของเธอขอร้องนายสามีว่า อย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเทอรีอีกเลย ในเมื่อมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ก็ขอให้ไปในทางของตน แม้จะยังไม่ได้หย่าขาดกับเทอรีก็ตามที เทอรีกับสามีของเธอก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาอีกแล้ว ปล่อยให้เป็นเรื่องในครอบครัวของเทอรีและพ่อแม่ของเธอเถิด ข่าวรายงานว่า ในบัญชีประกันชีวิตของเทอรีนั้นระบุว่า หากเธอตายสามีจะได้รับเงินประกันเป็นเงินหนึ่งล้านเหรียญ จึงมีผู้ข้องใจมองว่า สามีผู้นี้ไม่ยอมหย่าขาดและอยากให้เทอรีให้เธอตาย เพราะต้องการเงิน ขณะเดียวกัน มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเสนอเงินให้กับสามีคนนี้ เป็นจำนวนเท่ากับเงินประกัน คือหนึ่งล้านเหรียญ ขอให้เดินออกไปจากชีวิตของเทอรี แต่นายสามีไม่ยินยอม เนื่องจากความเห็นอันเด็ดเดี่ยว ที่ยืนกรานว่า ความตายคือสิ่งเดียว ที่เทอรีเคยบอกว่าต้องการ ฉะนั้นเขาจะทำเพื่อให้เธอได้ตายสมความตั้งใจ เงินจากผู้ไม่เกี่ยวข้องรายนั้น ไม่สามารถซื้อความมุ่งมั่นของเขาได้ เมื่อวานนี้ (19 มีนา) ศาลรับฟัง และออกคำสั่งให้ถอดสายอาหารของเทอรี่ออก ให้เธออดอาหารตายเองอย่างช้าๆ

เรื่องใหญ่ขึ้นเนื่องจากผู้แทนรัฐ (ฟลอริดา) นำเรื่องขึ้นสู่สภาคองเกรส เพราะเห็นว่าการตัดสินให้หญิงคนหนึ่งตาย ด้วยการอดอาหารนั้นเป็นเรื่องไร้มนุษยธรรม ไม่มีใครบอกได้ว่าการตายแบบนี้จะไม่เจ็บปวด และที่สำคัญกว่าประเด็นทั้งหมดคือ ใคร มีอำนาจตัดสินว่าใครควรอยู่ หรือใครควรตาย พ่อแม่ สามี ศาล ตัวผู้อยู่ในสถาณการณ์เอง หรือพระเจ้า? ในทางกฏหมาย การตัดสินความเป็นความตายของคนนั้นยังคลุมเครือ และกรณีแบบนี้เป็นกรณีที่เป็นนามธรรมอย่างที่สุด ต้องนำกฏหมายเกี่ยวกับการปลิดชีวิตขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ ตีความหาความหมายของคำว่า"ชีวิต"ใหม่ ชีวิตหมายถึงอินทรีย์สารที่กินอยู่หลับนอนได้ คิดได้ รู้สึกได้ หากคิดไม่ได้ แต่ทำอย่างอื่นได้ จะจัดว่าเป็นชีวิตหรือไม่ และจะรู้ได้อย่างไร ว่าหญิงเทอรีคนนี้คิดไม่ได้ รู้สึกไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครพิสูจน์ได้ หากอ้างว่าเพราะเธอกินไม่ได้ด้วยตนเอง ไปไหนมาไหนเองไม่ได้ ก็เท่ากับไม่มีชีวิตเป็นความทรมาณ แล้วทารกในครรภ์ที่อยู่ในภาวะเดียวกัน คือรับอาหารทางสายรก ไปไหนมาไหนเองไม่ได้นั้น ถือเป็นความทรมาณแล้วสมควรตายหรือไม่? อีกประเด็นทำที่ทำไห้เรื่องจบไม่ลง เพราะกฏหมายนี้กระทบกระเทือนถึงเรื่องการทำแท้งเสรี ที่เป็นเรื่องถกเถียงไม่จบไม่สิ้นระหว่างสองฝ่าย คือฝ่ายสนับสนุนให้การ​"ปลิดชีวิต" เป็นเรื่องของวิถีทางเลือก (Pro-Choice) และฝ่ายค้านที่สนับสนุนการ"อยู่รอด"ของชีวิต (Pro-Life) คงเคยได้ยินอยู่กลายๆเรื่องของ Democrats กับ Republican ที่เป็นปฏิปักษ์ไม่เคยลงรอยในความเห็นใดๆก็ตาม ในเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องสุดขั้วอันหนึ่ง ทางฝ่ายสนับสนุนให้การตายเป็นเรื่องของ"ทางเลือก"ก็สนับสนุนให้ถอดสายอาหารของเทอรีออก เพราะการปล่อยให้เธอ"อยู่"นั้น"ไร้หัวจิตหัวใจ" ส่วนฝ่ายที่เห็นว่าการปลิดชีวิตก็คือ"การฆ่า"ไม่ว่าการปลิดชีวิตจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม ถือเป็นเรื่องอำมหิตย์"ไร้มนุษยธรรม"ยิ่งกว่า

ขณะนี้สภาคองเกรสปฏิเสธที่จะตัดสินแทนศาล และกล่าวว่าการนำเรื่องนี้มาให้คองเกรสตัดสินนั้น ไม่เหมาะสมเพราะคองเกรสไม่ใช่พระเจ้า ไม่สามารถชี้เป็นชี้ตายกับใครได้ หลังจากเรื่องเร้ารุมมากเข้า ศาลคนเดิมที่สั่งให้ปลดหลอดอาหารของเทอรี่ออก ก็นำคดีกลับมาพิจารณา แต่ไม่มีการยืนยันว่าจะตัดสินใหม่เมื่อใด ขณะนี้เป็นเวลาห้าวันแล้วที่เทอรีอยู่โดยปราศจากอาหาร หากศาลตัดสินให้ต่อหลอดอาหารเข้าดังเดิม ในเวลาเกินกว่าสิบวัน ก็จะเป็นการช้าเกินกว่าชีวิตจะกลับคืนมาได้

ข้าพเจ้ายิ่งติดตามข่าวนี้ก็็ยิ่งเห็นว่า เรื่องของนางเทอรีนี้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของชีวิตของหญิงคนหนึ่ง ที่กำลังจะอดอาหารตายเพราะศาลสั่งเท่านั้น แต่เป็นแบบฝึกหัดทางธรรม ที่ทำให้คนกลับมาเพ่งมองกลับมาที่ใจตน เพื่อพินิจพิจารณาตรรกของการมีชีวิตอีกครั้ง ข้าพเจ้าเลือกพิจารณาเหตุการณ์นี้ โดยการใช้ตรรกง่ายๆ ที่ไม่เกี่ยวกับหัวจิตหัวใจหรือมนุษยธรรมด้วยดังนี้ การที่คนอยากให้คนคนหนึ่งตายจากความทรมาณนั้น เกิดจากการเอาอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเข้าไปเปรียบเทียบ การเห็นภาพของคนป่วยที่เห็นตรงหน้า เกิดเป็นความเจ็บและทุกข์ในอารมณ์ของตน ฉะนั้น จึงสนองเหตุด้วยการกำจัดชีวิตของคนป่วยที่อยู่ตรงหน้า หาใช่การยึดติดในความรู้สึกของตัวเองไม่ คำถามของข้าพเจ้าคือนี่คือตรรกที่ถูกต้องแล้วหรือ? ในการจะเข้าไปชี้นิ้วว่าใครควรตายใครควรอยู่ ด้วยใช้ความรู้สึกส่วนตัวเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ? การตายเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นเรื่องที่พระเจ้ากำหนด เป็นเรื่องของกรรมเวรที่บุคคลคนนั้นพึงต้องประสบและฝ่าฟัน ถือเป็นเรื่องที่คนอื่นพึงจะก้าวก่ายหรือ?