Sunday, July 09, 2006

เสือ




ฉันโทรไปหาลีขณะกำลังรอรถไฟ มีเรื่องด่วนจี๋สำคัญนักจะต้องบอกกล่าว รอไม่ได้ อีกสิบห้านาทีก็รอไม่ได้ ลีกลับไม่สนใจฟัง จะรีบไปๆ แค่นี้นะ เดี๋ยวเจอกัน บาย

ฉันกระแทกหูโทรศัพท์ลงด้วยความฉุน นึกในใจ ทำไมไม่รู้จักฟังเลยนะ คนอะไร เรามีเรื่องด่วนเรื่องสำคัญ จะหยุดฟังเสียหน่อยก็ไม่ได้ เอาแต่พูดอยู่คนเดียว บทอยากจะวางก็วาง ไม่คิดว่าธุระคนอื่นสำคัญบ้างหรือยังไง?

รถไฟมาเทียบจอดแล้ว ฉันก้าวเข้าไปนั่ง ใจร้อนรุ่มเรื่องลีกับโทรศัพท์ นึกโกรธโทษด่าอีกฝ่าย แหมทำให้เราฉุนเกรี้ยว คนอะไรไม่รู้จักนึกถึงใจคนอื่น นึกๆไปหน้าก็ร้อนผ่าว หัวใจเต้นตุบๆ รู้สึกเหมือนเลือดมันเดือดมันร้อน ใจจะระเบิด ไม่สบายตัวเลย

เออ นี่แหละหนอความโกรธ มันมาแล้ว สังเกตุเห็นแล้ว...

สังเกตุเห็นแล้วก็อยากจะหยุดใจที่มันร้อนเร่าๆ สมองที่มันนึกถึงแต่จะร้องกรี๊ดๆ ทำไมไม่ฟังฉันบ้างๆ วันนี้เป็นวันดี ทำไมต้องมารู้สึกแบบนี้หนอเรา นึกแล้วก็อยากจะเปลี่ยนความรู้สึกที่เป็นอยู่ในขณะ

หายใจเข้ายาว หายใจออกยาว นับหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า .... แหม แค่นี้ไม่หยุดฟังเลย ถ้าเป็นตัวเองเจอไม่ฟังแบบนี้บ้างจะโกรธไหม? อ้าว นึกไปๆย้อนกลับมาฉุนอีก วนเวียนไม่ไปไหน นับเลขก็ไม่หาย หายใจเข้าออกก็ไม่หาย เปลี่ยนเรื่องนึก นึกเรื่องที่เป็นมงคล...

นึกถึงอะไรดี... นึกถึง... โทรศัพท์ วางหูแล้วไปแล้วร้องกรี๊ดๆ จะทำให้หายโกรธไหมนี่? อ้าว ไหนว่านึกเรื่องที่เป็นมงคลไง กลับเวียนมานึกแต่เรื่องเดิม เรื่องที่ทำให้ใจรุ่มๆ

ความโกรธนี้มันเหนียว เกาะติดแน่นยังกับตีนตุ๊กแก ดุโฮกๆ เหมือนเสือ โผล่ขึ้นมาไม่รู้เนื้อรู้ตัว นั่งอยู่เฉยๆก็โผล่ผางออกมา ทำให้เราเป็นเหยื่อ ตกเป็นทาสความฉุนเฉียวราวกับมีเสือร้ายอยู่ในใจ

เอาละ ไอ้เสือร้าย มา! ฉันจะทำให้แกเชื่องให้ได้

หลับตานึกถึงเจ้าเสือ โผล่มาโฮกๆ แยกเขี้ยวยิงฟัน ฉันยื่นมือออกไป ลูบหัวดูหน่อยเป็นไง จะย่อมเชื่องลงไหม? แล้วฉันก็ลูบหัวมัน ลูบ ลูบ เจ้าเสือเอียงหัวให้ลูบ ทำหน้าเคลิ้มเหมือนเจ้าบิสกิตหมาข้างบ้าน แล้วเจ้าเสือก็หมอบ ลายพาดกลอนน่ากลัวก็หายไป เห็นเป็นขนเรียบนุ่มสีครีม เหมือนเจ้าบิสกิตยังไงยังงั้น... บิสกิต แกน่ารักจัง

กลับมาสังเกตตัวเองซิ ความโกรธมันหายไปไหนแล้วเนี่ย? ใจร้อนกลุ้มรุ่มผ่าวในทีแรกก็กลับเย็นเป็นปกติ หน้าตึงบึ้งบูดก็คลายลง ยิ้มได้อยู่คนเดียว

อารมณ์คนเรานี้หนอ โผล่พรวดมาแล้วบทจะดับก็ดับลงภายในพริบตาได้เหมือนกัน เพียงแค่รู้วิธีเผชิญหน้ากับมัน แผ่เมตตาให้กับอารมณ์ร้ายๆของตัวเอง ฉับพลันร้ายก็กลายเป็นดีไปได้ไม่รู้ตัว เหมือนน้ำดับไฟยังไงยังงั้น

เดี๋ยวอีกสิบห้านาทีลงรถไฟก็จะเจอลีแล้ว เดี๋ยวจะเล่าเรื่องนี้ให้ลีฟัง แล้วฉันก็นั่งยิ้มกริ่มไปตลอดทาง.

No comments: