Wednesday, September 14, 2005

ดินแดนแห่งโอกาส


โดย ส.

ใบไม้ร่วงอีกแล้ว ข่าวเรื่องพายุแคทริน่ายังโต้กันไม่หยุดหย่อน ผู้คนแตกเป็นสองฝ่ายเหมือนเดิม โต้กันไม่เว้นเรื่องฉกฉวยโอกาสทางการเมือง รีพับลิกัน กับ เดโมแครต

มีเสียงร่ำลือหนาหู "จอร์จ บุช เกลียดคนดำ" ไม่ก็ "เพราะเป็นคนดำรัฐบาลถึงชักช้า" ไม่ก็ "ถ้าเป็นคนขาวป่านนี้ปัญหาแก้ไขเรียบร้อยไปแล้ว" วิทยุได้ทีเปิดโต้วาทีเรื่องเหยียดสีผิวเพื่อดึงเรตติ้ง คนโทรเข้ามากรรโชกบ้างคร่ำครวญบ้างถึงความไม่เท่าเทียมระหว่างคนขาว กับคนดำ

ได้ยินแล้วก็เศร้าใจที่เห็นหลายคนมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องความไม่เท่าเทียมนี้ ทั้งๆที่กระแสเงินบริจาคที่หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อนนั้นมาจากคนทั่วประเทศ ทั้งขาวและดำ ไม่มีใครเลยที่เขียนระบุในเช็คว่าเงินบริจาคนี้เพื่อคนขาวเท่านั้น หรือเงินบริจาคนี้เพื่อคนดำเท่านั้น ทีมทหารตำรวจตระเวณหาคนตกหล่นที่ยากลำบาก ทุกคนอยากช่วย ไม่เกี่ยงว่าใครสีผิวใด

แต่ยังมีคนผิวดำไม่น้อยที่ติดใจแต่ในเรื่องความต้อยต่ำของตน และมองเห็นโลกมีแต่ความไม่ยุติธรรม ก็เพราะข้อยเกิดมาเป็นคนดำนี่หนาถึงได้จนต้อยต่ำ เพราะเป็นคนดำถึงมีแต่คนดูถูก เพราะเป็นคนดำสังคมถึงต้องมาช่วยเหลือ แต่กระนั้น สังคมก็ยังไม่ยุติธรรมต่อข้อย... ได้ยินอย่างนี้แล้วก็สงสัยเหลือเกินว่า ณ ดินแดนแห่งโอกาสและเสรีภาพนี้ อะไรหนอที่เป็นกำแพงกั้นเสรีภาพและโอกาสของคนพวกนี้?

ก็จริงอยู่ที่บรรพบุรุษของคนดำส่วนมากถูกพรากมาจากถิ่นบ้านเกิด มาเป็นข้าทาส มาเป็นพลเมืองชั้นต่ำ ลูกหลานที่เกิดมาก็ถูกกีดกันไม่ให้เป็นใหญ่หรือมีความรู้เกินหน้าคนขาว แต่เรื่องนี้ก็เป็นเหตุที่จบเกินครึ่งศตวรรษมาแล้ว ณ ทุกวันนี้ ไม่เห็นมีใครถูกเขี่ยออกจากโรงเรียนเพราะเป็นคนดำ ไม่มีใครปิดโอกาสการเรียนรู้ใคร ใครอยากเจริญก้าวหน้าแค่ไหน ก็ทำไปเท่าที่แรงและโอกาสพึงมี แต่น่าเศร้าที่ยังมีคนดำอยู่อีกมาก ที่ยังเกาะยึดเลือกที่จะจ้องมองแต่อดีต อดีตอันขมขื่นของปู่ย่าตายายของตน ทั้งที่ปัจจุบันโอกาสทางการศึกษามีแล้ว อนาคตเปิดไว้เท่าทัดเทียมใครๆแล้ว แต่ยังกลับเลือกที่จะมองแต่อดีต ก่นด่าแต่ความไม่เท่าเทียมของโลกนี้ เกลียดโชคชะตาที่พามาเกิดเป็นคนดำ แล้วพวกเขาก็ยืนอยู่ที่เดิม ที่เดียวกับที่ปู่ย่าตายายเขาเคยยืน

แล้วความจริงที่ซ้ำๆซากๆ ก็กลับมาในความคิดฉันอีกครั้ง ชีวิตคนเราไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่ว่าเลือกกระทำสิ่งต่างๆได้ ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนได้หากใฝ่พยายาม ทุกวันนี้ ดินแดนแห่งเสรีภาพเปิดประตูแห่งโอกาสให้ทุกคนเท่ากันแล้ว หากยังมีแต่ตัวอคติเท่านั้น ที่บิดเบือนการมองเห็นของคนอีกหลายๆคน อคติที่ทำให้คนมองเห็นแต่เรื่องน่าก่นด่า ยิ่งด่าก็ยิ่งเกลียดชัง ถ้ายังจำกัดอคติไม่ได้ เรื่องเหยียดสีผิวก็ไม่ไปไหน ตัวเองเหยียดตัวเองอยู่แบบนี้ สีผิวก็พาลแต่จะติดแน่นหนาอยู่ที่ใจ ล้างอย่างไรก็ไม่ออก.

No comments: