โดย สุชา
ฉันเพิ่งทำคอมพิวเตอร์พัง ที่ีจริงก็พูดเกินไป ไม่ถึงกับพังหรอก กดปุ่มผิดแล้วไฟล์งาน รูป และอะไรต่อมิอะไร มันหายไปหมด ฮาร์ดดิสก์โปร่งโล่งสะอาด ไม่มีอะไรเก็บสะสม
ใครจะโง่เง่าได้ขนาดใหญ่หลวงเท่านี้ ยิ่งนึกยิ่งฉุน แล้วที่กดผิดไปนี่มันยกเลิก (undo) ได้ไหมนี่ ฝันไปหรือเปล่า ตื่นๆ
รูปที่กลับไปเที่ยวเมืองไทยปีที่แล้ว ถ่ายกับพ่อแม่ กับเพื่อน ไม่ได้เจอกันเป็นปีๆ รูปงานศิลปะที่ไปถ่ายตามมิวเซียมนับไม่ถ้วน รูปตอนผมสั้น
ตอนผมยาว รูปกับคนน่ารักๆหลายคน รูปที่ไปเที่ยวกันหลายที่ ไม่อยากจะนึกรวมงานที่กำลังทำอยู่ต้องพรีเซนต์อาทิตย์หน้า
เป็นอากาศธาตุไปแล้ว ไม่มีแม้มวลสารเหลืออยู่
แล้วยังหนังอีกเล่า หนังที่ถ่ายตุ้ยเพื่อนรักดีดดิ้นอย่างน่าฟัดที่สวนลุม ไม่รวมอีกหลายช็อตที่ลีโดดเตะคาราเต้คิก ที่ดูกี่ครั้งก็หัวเราะท้องหงายทุกครั้ง
หายหมด...
แล้วยังบทความหลายอันที่เขียนค้างอยู่อีกล่ะ
ไม่มีแล้ว...
ตื่นซิ
...
ในเมื่อ undo เวลาที่ผ่านไปไม่ได้ และตื่นจากความจริงไปไม่ได้กว่านี้แล้ว ก็มีแต่ความหนักเท่านั้นที่ปกคลุมหัว แล้วฉันจะทำอย่างไรเล่า ถึงข้อมูลดิจิตอลมันจับต้องไม่ได้ แต่มันก็ทำให้แต่ละวันมีอะไรยุ่งๆทำ ถ้าไม่มีอะไรเหลือ ก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ
จะต้องงมอีกกี่วันถึงจะได้งานกลับคืนมา? คืนนี้จะได้นอนไหม? จะไปหาโปรแกรมอะไรที่ไหนมาแก้ล่ะ?
นึกไปก็ยิ่งมืดมน เก็บข้าวของนั่งรถไฟกลับบ้าน คิดไปจนเหนื่อยถึงกระดูกดำ
พอถึงสถานีใกล้บ้าน ฝนลงเม็ดแฉะไปหมด ร่มก็ไม่มี คงต้องเดินไปแบบเปียกๆนี่แหละ
น้ำฝนนี่มันเย็นฉ่ำดีแท้ จากขาที่เดินฉับๆ ก็ลดสปีดช้าลง ฝนเอ๋ยฝน มาช่วยล้างความกังวลออกไปที
โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ น้ำฝนที่ตกมาต้องเนื้อ เรียกใจที่ว้าวุ่นไปอยู่ที่ผิวกายโดยฉับพลัน รู้สึกอย่างกับมีใครมาล้างฮาร์ดดิสก์ ถ้าไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว จะไปนั่งกังวลอยู่กับอะไรเล่า?
ในเมื่อไม่มีงานต้องสะสางให้สมองยุ่ง ไม่มีรูปใครต่อใครมาให้ใจไปพัวพัน ปีที่แล้วมันผ่านไปแล้ว คืนนี้ฉันคงนอนหลับสบายดี
...
ทะเลาะวิวาทกับใครสักคนจนสมองเครียดข้นทนไม่ไหว ใครคนนั้นเผอิญปัดกาน้ำชาแสนรักตกแตก แทนที่จะรู้สึกฉุนเกรี้ยวด้วยความเสียดาย ใจกลับโล่ง เหมือนกับไม่มีอะไรให้แบกให้ยึดอีกต่อไป สมองที่เครียดขมวดก็กลับคลาย ใครจะตะโกนเถียงต่อให้เสียงดังขนาดไหนก็ไม่กระทบกระเทือนแล้ว กาน้ำชามันแตกไปแล้ว
...
ได้ยินเรื่องเล่าจากเพื่อนร่วมงาน เกี่ยวกับตายายคู่หนึ่งที่ย้ายออกจากบ้านไปอยู่เนิร์สซิ่งโฮม ขายบ้านทิ้งไปทั้งๆที่มีข้าวของเครื่องใช้อยู่ครบ เฟอร์นิเจอร์หรูหราที่ใช้มาเป็นสิบปี เสื้อผ้าเป็นตู้ๆ รูปภาพสวยๆที่ติดตามฝาผนัง จดหมายเก่าๆ รูปถ่ายครอบครัวเก่าๆ ไดอารี ดูเหมือนข้าวของที่แสดงความรักความผูกพันจะยังอยู่ครบ
แต่เขาก็ทิ้งมัน
เนิร์สซิ่งโฮมไม่มีที่ให้เก็บ และถึงวันหนึ่งมันคงไม่มีความหมายต่อพวกเขาอีก
...
ใจที่โปร่งโล่งสบายคือใจที่ไม่มีสิ่งของมาวางให้หนัก ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ ไม่มีกาน้ำชา ไม่มีรูปเก่าๆ ไม่มีงานสำคัญ ไม่มีดิจิตอลไฟล์ ไม่มีความผูกพัน และไม่มีความกังวล.