Saturday, July 23, 2005

รัฐธรรมนูญ (ฉบับจั๊กกะแร้ขาว)

From: kanokkant pilantanadiloke
To: suchaja@hotmail.com
Subject: RE: รัฐธรรมนูญ (ฉบับเพิ่มเติม)
Sent: Tuesday, July 19, 2005 3:08 AM

เภา,

อ่านเรื่องรัฐธรรมนูญแล้ว แม้จะไม่จบ แต่ก็เคยได้อ่านเรื่องทำนองนี้มาบ้าง เห็นด้วยกับพ่อของเธอ จนกระทั่งบัดนี้ เรามีความรู้สึกลบพวกคนที่ชอบตามฝรั่ง ไม่รู้จักตัวเอง ระบอบการปกครองที่ดี ก็เหมือนประเทศมีกลไกดี แต่คุณภาพของคนในประเทศยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าระบอบ เป็นเรื่องที่ไม่รู้จะปฏิวัติยังไงดี

เหมือนคอมพิวเตอร์กับความฉลาดของมนุษย์ วันก่อนไปร้านรับตัดสติ๊กเกอร์และทำตรายาง เอาแบบไปให้ตีราคา ขนาดงาน 12 คูณ 24 นิ้ว ตีราคามาแพงมาก เราถามว่าทำไมต้องแพงขนาดนี้ เขาตอบว่ามันใหญ่มากและมันทำยาก คุยไปคุยมา คิดว่าเราจะทำตรายาง ทั้งที่ไม่ได้บอกเลยซักคำ บอกแล้วว่าจะตัดสติ๊กเกอร์ ถึงจะไม่ได้บอกใครจะทำตรายาง 12 คูณ 24 นิ้ว สมองทำด้วยอะไรไม่รู้ มีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ตรงหน้า มีความสามารถทำงานกับหลายๆโปรแกรมยากๆในคอมได้ แต่มีอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถพัฒนาได้

ที่ว่าคนรวยคนมีการศึกษาที่ไม่รู้จักตัวเอง ขยันเดินตามฝรั่ง ที่จริงการรู้จักตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย สองสามวันได้ฟังเรื่องการเรื่องการเขียนไดอารี่เพื่อการเรียนรู้ตัวเอง เพื่อการรู้จักตัวเอง น่าสนใจมาก บอกว่าการเขียนบันทึกประจำวันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เพราะการกลับมาอ่านบันทึกเก่า ๆทำให้เราได้อ่านตัวเองและจะมองเห็นตัวเองได้ชัด อย่างที่เราไม่สามารถรู้ตัวเองได้ในขณะปัจจุบันว่าที่จริงเราทำสิ่งนั้นด้วยเหตุผลอะไรอยู่ เหตุผลที่แท้จริงหรือเหตุผลที่ซ่อนเร้น ตัวตนที่แท้จริงของเราเป็นอย่างไรเราจะอ่านตัวเราออกจากบันทึก (มิน่าล่ะ ฉันรู้สึกอายมากเวลากลับมาอ่าน ทำไมตอนนั้นชั้นงี่เง่าขนาดนั้น)

ตอนนี้หญิงไทยทำผมทรงเดียวกันหมด เหมือนเป็นทหารที่มีคนสั่งให้เค้าทำ มีอยู่สองทรง ผมตรงแบบตรงมาก ตรงเด่แบบที่ใช้ไดร์รีด มียาสระผมที่ทำให้ผมตรง (เป็นไปได้อย่างไร) และทรงหยิกแบบที่ใช้ที่ไดร์ผมแบบหนีบ มันดูแข็ง ๆไม่เป็นธรรมชาติ เอาซะเลย By the way เธอทำสองทรงนี้อยู่รึเปล่า ดูโฆษณา ยาสระผม, สบู่, ครีมบำรุงผิว, ครีมทารักแร้ขาว, หน้าขาว ที่เมืองไทยแล้ว เอียน ที่แวนคูเวอร์ ไม่มีโฆษณาประเภทนี้มากขนาดนี้ ที่เธออยู่ก็น่าจะเหมือนกันกับที่แวนคูเวอร์ ที่จริงก็กลับมากตั้งนานแล้วทำไมรู้สึกอย่างมากเวลานี้ก็ไม่รู้ เราว่ามันมีมากขึ้น รู้แล้ว เดี๋ยวนี้มีการใช้ sex appeal กันมากขึ้น ทุกโฆษณา เบียร์ ยาสีฟัน ไก่ย่าง หมากฝรั่ง ผ้าอนามัย ถุงยาง ลูกอม นำมันเบรค โซดา นำมันพืช ซีอิ้ว เล่น sex appeal อย่างเดียว

นี่คือ สิ่งที่ดีอย่างนึงที่เธอไม่ได้กลับมาเมืองไทย

Thank you สำหรับบทความรัฐธรรมนูญ

ก้อย.


From: "sucha snidvongs"
To: kanokkant@hotmail.com
Subject: RE: รัฐธรรมนูญ (ฉบับจั๊กกะแร้ขาว)
Date: Tue, 19 Jul 2005 05:32:59 +0000

เธอจ๋า อย่าโมโหโกรธาไปเลย ใครจะทำอะไรก็ช่างเขาเถิด เราไปเปลี่ยนเขาไม่ได้ ใครอยากสวยในแบบตื้นเขินของเขาก็ช่างเขา คิดเสียว่าดีแล้วที่เราไม่ได้เกิดมาเป็นเขา เราทำตัวเราให้ลึกซึ้งอย่างของเรามันก็ดีอยู่แล้ว

เรื่องของรัฐธรรมนูญ ฉันเห็นว่าเป็นเรื่องของโลกที่มันหมุนไปในแบบของมัน ไม่มีใครตัดสินใจถูกหรือผิด กระแสของโลกมันไปในทิศทางนี้ ไม่วันไหนวันหนึ่งมันก็ต้องรับเขามา การจะรอให้เราเข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน บางที่มันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ วัฒนธรรมเป็นสิ่งมีชีวิต ปรับเปลี่ยนยืดหดอยู่ตลอดเวลา เราได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอื่นเป็นมาช้านาน และจะรับอีกต่อๆไปไม่มีวันสิ้นสุด นี่คือความจริง การหยุดเดินแล้วมองย้อนกลับไปเพื่อเข้าใจตัวเองก็ฟังดูเข้าทีอยู่ แต่จะให้สมบูรณ์แบบต้องก้าวไปข้างหน้าด้วย การปิดประเทศแบบญี่ปุ่นเมื่อหลังสงครามโลกนั้นเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว ประเทศใดที่จะปิดตัวเองในเวลานี้มีแต่ก้าวถอยหลังเท่านั้น

ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นเติบโตจากความต้องการจากคนระดับรากหญ้า ไม่ใช่จากเบื้องบนลงมา ประเทศเราคนมีความเคยชิินกับการได้รับจาก "หลวง" มาช้านาน การจะลุกขึ้นมาด้วยตัวเองพร้อมกับประกาศว่าฉันจะเป็นประชาธิปไตยพรุ่งนี้มะรืนนี้มันเป็นไปไม่ได้ หากต้องการให้ระบบเปลี่ยนก็เห็นมีอยู่ทางเดียวคือการนำเข้าจากเบื้องบน ซึ่งอันที่จริงก็เป็นเรื่องผิดธรรมชาติแท้ๆของ "ประชา" ธิปไตย แต่ก็เอาเถิดหนทางมันเป็นแบบนี้ ฉันเห็นว่าพวกคณะราษฎร์นั้นไม่ได้ทำสิ่งเสียหายที่ต้องการเปลี่ยนระบบ อย่างไรเสีย ระบบใหม่มันก็ต้องมาอยู่ดี คณะราษฎร์นั้นเพียงแต่ "กระตุ้น" ระบอบประชาธิปไตยให้มาถึงเร็วขึ้นเท่านั้น

ประชาธิปไตยในอเมริกานั้นชัดเจนว่ามาจากรากหญ้า เพราะพวกคนอเมริกัน (หมายถึงคนยุโรปที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานและออกลูกออกหลานในอเมริกาสองร้อยกว่าปีที่แล้ว) ถูกรีดนาทาเร้น ต้องส่ง "ส่วย" ไปให้เจ้าเหนือหัวทางอังกฤษ มีสงครามในยุโรป คนอเมริกันก็ถูกเก็บภาษีไปช่วยค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย และอีกหลายๆเรื่องที่เป็นการทำนาบนหลังคนแท้ๆ การลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออธิปไตยของตนนั้นเป็นเรื่องสมควรแล้ว ด้วยฉะนี้คนของเขาจึงให้คุณค่าเรื่องประชาธิปไตยอย่างหนักหนา เพราะเสรีภาพที่มีอยู่ทุกวันนี้กว่าจะได้มามันต้องเสียเลือดเนื้อ เมื่อเห็นชัดๆแบบนี้คนปัจจุบันเลยเข้าใจเรื่องสิทธิอย่างสุดหัวใจ

มองกลับมาที่เราอีกที ในเมืองไทยนั้นประชาธิปไตยงอกมาจากท้องฟ้าเมื่อหกกว่าสิบปีที่แล้ว ชาวบ้านเห็นว่าเขาให้มาเอง ไม่ต้องสู้ ก็เลยไม่เห็นว่ามีคุณค่า ไม่เห็นสิทธิของตน ก็เลยไม่เห็นว่าต้องปกป้อง มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติอีกนั่นแหละ ใครที่ไหนเลยจะออกมาปกป้องในสิ่งที่ตัวไม่เคยรู้จัก ตอนนี้มีทางเดียวคือรอให้มันเบ่งบาน ให้มันซึมผ่านเวลา อาจจะเป็นร้อยปีสองร้อยปี ไม่รู้ อยู่ที่การศึกษา และเสรีภาพทางการคิด รวมถึงแรงกดดันที่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าคืออะไร

แต่เอาเถอะ พอเสรีภาพทางการคิดมี สาวๆก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกสื่อที่จ้องจะขายยาทาจั๊กกะแร้ขาว จะไม่มามัวนั่งกังวลเรื่องแฟชั่นผมเผ้าจนเกินเหตุ เอาเวลาไปหาการศึกษามาพัฒนาตนจะดีกว่า แลัววันหนึ่งเขาก็จะรู้กันเอง

เภา

No comments: