















ตอน: เอเธนส์
เอมาน่วลเพื่อนชาวกรีกโม้ว่าความภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติอันยาวนานเข้มข้นแบบนี้หาได้อยู่ไม่กี่แห่งในโลก และกรีซก็เป็นหนึ่งที่เข้มข้นที่สุด ถึงขนาดที่เรียกได้ว่าถ่มน้ำลายปรี๊ดลงไปตรงไหน ขุดลงไปก็เจอของเก่าของโบราณได้ตรงนั้น
โอลิมปิคเกมส์เมื่อปี 2004 ทำให้เอเธนส์ต้องขยายเมืองเป็นอันมาก สนามกีฬาแห่งชาติถูกสร้างใหม่ให้ไฮเทคใหญ่โต มีการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มอีกสองสาย จากเดิมที่มีสายเดียวสั้นๆ สนามบินต่อเติมหรูหราใหญ่โต มีการต่อรถไฟฟ้าตรงดิ่งจากสนามบินเข้าเมือง สถานที่ราชการทาสีใหม่เอี่ยม เอมาน่วลบอกว่าเอเธนส์ถูกขัดสีฉวีวรรณเป็นอันมากในสามปีที่ผ่านมานี้ การจัดโอลิมปิคเกมส์นำความเจริญมาสู่เมืองได้เร็วดีจริง
รู้มาว่าระหว่างที่รัฐบาลกรีกขุดเจาะทำรถไฟใต้ดินเตรียมต้อนรับโอลิมปิคเกมส์กันจ้าละหวั่นอยู่นั้น โพรงใต้ดินหลายสายที่ขุดใหม่ก็ไปจ๊ะเอ๋กับโพรงที่เป็นท่อประปาเก่าสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ท่อประปาสมัยนั้นเป็นท่อดินเผา! วางเสียบเป็นข้อๆต่อกัน ข้อหนึ่งยาวประมาณสองฟุต แต่ละข้อมีฝาเปิดปิดด้านบนเอาไว้สำหรับเปิดมาทำความสะอาดหรือซ่อมแก้ไขเวลาท่อตัน แต่ละชิ้นมีสีวงกำกับเอาไว้ แต่ละเส้นทางเดินท่อก็ใช้สีที่ต่างกันไป ภายในตัวท่อก็ทาสีเคลือบกันซึม เรียกว่าไฮเทคมาก โพรงเก่าที่เลิกใช้แล้วบางโพรง คนโบราณก็เอาไว้เป็นโพรงเก็บขยะ ขยะที่ว่านี้คือเครื่องดินเผาที่แตกชำรุด หรือที่ใช้เบื่อแล้วก็เอามาโละทิ้ง
ภายในสถานีรถไฟใต้ดินจุดต่างๆ ทางสถานีเขาก็จัดเป็นพิพิธภัณฑ์โชว์ของโบราณที่ขุดพบ ณ จุดนั้นๆ สถานีไหนมีผนังสูงกว้าง เขาก็เปิดผนังโชว์ให้เห็นเป็นชั้นดินในยุคสมัยต่างๆที่ทับถมกันเป็นพันปี มีเครื่องหมายบอกให้เห็นว่ายุคไหนเป็นยุคไหน ทับถมอยู่นานแค่ไหน นับเป็นการให้การศึกษาแก่ประชาชนทั่วไปที่ผ่านไปผ่านมาแบบถึงเนื้อถึงตัวเลยทีเดียว
เมืองเอเธนส์นี้ถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าจากคนหลายยุคหลายเผ่า หลักฐานที่เห็นได้ในชีวิตประจำวันก็คือสถาปัตยกรรมของหลายวัฒนธรรมที่เคยแพร่ผ่านมายังดินแดนแห่งนี้ มีตั้งแต่วิหารกรีกโบราณที่มีลักษณะเรียบสง่าอยู่เหนือกาลเวลา มีวิหารโรมันที่สร้างเลียนแบบมาจากของกรีกแต่ดัดแปลงในเรื่องของฟังก์ชั่น มีโบสถ์แบบไบแซนทีนที่มีลักษณะกลมๆป้อมๆ มีสุเหร่าของพวกเติร์ก มีตึกรามบ้านช่องแบบนีโอคลาสสิคที่สวยหวาน เอกลักษณ์ของแต่ละวัฒนธรรมที่เข้ามานี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ทุกวันนี้ก็อยู่รวมกันได้และถือเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ชาติกรีกที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย โชคไม่ดีที่เด็กสมัยใหม่ไม่ได้รับการศึกษาให้ภาคภูมิใจในเส้นทางประวัติศาสตร์ชาติตนเท่าไรนัก เพราะเกือบทุกที่ๆไปก็จะเห็นพวกกราฟิติคอยพ่นสเปรย์ทำลายตึกโบราณสวยๆ ป่าวประโคมความบ้องตื้นมือบอนของตนให้น่าเอน็จอนาจใจทุกครั้งไป
แหล่งที่ๆพอจะพ้นเงื้อมือพวกกราฟติบ้างก็พอมี อย่างแถบ โคโลนากี (Kolonaki) ที่เป็นโซนช้อปปิ้ง ศูนย์รวมแฟชั่นทั้งหลายจากยุโรปและอเมริกา ร้านรวงที่มีของดีไซน์เนอร์ดังๆ เดินดูได้เปิดหูเปิดตาความก้าวล้ำทางแฟชั่น แต่ถ้าจะซื้อของที่นี่คงทำให้กระเป๋าฉีกได้ไม่มากก็น้อย หากจะช้อปจริงๆแถวตลาดนัดใน โมนาสเตอรากี (Monasteraki) หรืออีกโซนที่เรียกว่า พลากา (Plaka) จะราคาสมน้ำสมเนื้อกว่า
ตามทางเท้าในเอเธนส์เขาจะปลูกต้นไม้เป็นจุดๆ เป็นแนวๆ ต้นไม้ที่ขึ้นง่ายและนิยมปลูกกันคือส้ม ฉันไปโชคดีที่เป็นหน้าส้มพอดี ไปไหนมาไหนก็เห็นส้มออกลูกกันกลมดิกสีสดจับใจ เต็มพุ่มส้มไปหมด น่ารักมาก บางที่ก็มีต้นมะนาวที่ออกลูกสีเหลืองอ๋อยเต็มพุ่มเหมือนกัน ด้วยความที่เคยเห็นแต่ส้มวางเป็นกองในซูเปอร์มาร์เก็ต มาเห็นต้นเป็นๆแบบนี้ก็อดดัดจริตตื่นเต้นไม่ได้ แถมอยู่ในเมืองอีกต่างหาก ลองเด็ดมาชิมลูกหนึ่ง เปรี้ยวจนหน้าเหย มิน่าเล่า มันถึงยังอยู่กันเต็มต้นอย่างนี้
เอมาน่วลพาไปเดินแถว เอริเดส (Aerides) ที่มีโรงแรมและผับบาร์กาแฟสำหรับคนบูติคที่ชอบมาสังสรรค์กัน ถนนนี้คล้ายๆกับถนนสีลมหรือหลังสวนบ้านเราในสมัยก่อนฟองสบู่แตก แต่แถบเอริเดสนี้กว้างขวางกว่ามาก แต่ละที่ก็ตกแต่งแข่งกันอย่างฟู่ฟ่าสุดขีด แม้เก้าอี้นอกร้านก็ยังเป็นเบาะโซฟา! ส่วนมากจะเป็นสีขาวหรือสีครีม คงเป็นเพราะทำให้ร้านสว่าง ที่นี่แม้อากาศจะหนาวยะเยือกเกือบศูนย์องศา คนกรีกเขาก็ยังนิยมนั่งโชว์ออฟกันนอกร้านมากกว่าในร้าน เอาท์ดอร์ฮีตเตอร์ก็เป็นของที่ทุกร้านจะขาดเสียมิได้ ฝั่งตรงข้ามมองไปเห็นวิหารพาเธนอนยามค่ำคืน สว่างไสวอยู่บนยอดเขาอะโครโพลิส ไม่ต้องเดาว่ามากินที่นี่ราคาต้องสูงแน่นอน
ผับบาร์ที่นี่นอกจากเสริฟแอลกอฮอล์แล้ว เมนูบังคับก็ต้องมีกาแฟ โดยเฉพาะ กาแฟกรีก หรือ Greek Coffee ที่มีลักษณะพิเศษอยู่ที่วิธีต้ม เขาจะใช้กาแฟป่นสดๆต้มกับน้ำในกาใบเล็กๆ จะให้หวานก็ใส่น้ำตาลกันเดี๋ยวนั้น ต้มให้ฟองฟ่อดแล้วก็เสริฟในถ้วยกาแฟใบเล็กๆ กรีกคอฟฟี่นี้เวลาชงเขาจะชงสำหรับเฉพาะคน ไม่มีการชงเยอะๆแล้วมารินแบ่งกันหลายๆถ้วย ก็ไม่ทราบแน่ว่าทำไม ทราบแต่ว่ากาแฟนี้หอมมาก และฟองกาแฟที่ลอยอยู่ทำให้การดื่มไหลลื่นนุ่มลิ้นดีมาก เวลาดื่มนี้มีข้อห้ามอย่างหนึ่งคือ ห้ามใช้ช้อนคนหรือเขย่ากาแฟให้เคล้าไปมาเป็นอันขาด เพราะผงกาแฟที่นอนก้นจะฟุ้งขึ้นมาปนกับน้ำกาแฟ คงไม่มีใครชอบดื่มกาแฟพร้อมกาก เสียอารมณ์เปล่าๆ ปกติแล้วฉันเป็นคนที่กินกาแฟแล้วเลือดพุ่งจี๊ด ตัวจะระเบิดเพราะพ่ายแพ้คาเฟอีน แต่มาที่กรีซนี้ล่อกรีกคอฟฟี่เช้าเย็นไม่มีอาการอะไรทั้งๆที่กาแฟนี้เข้มข้นมาก ก็นับว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่งที่ได้ลิ้มของดีแล้วไม่เป็นอะไร คาเฟ่ที่เรามานั่งตกแต่งสีส้มแดง มีโคมไฟกระดาษห้อยคล้ายๆจะยึดคอนเซปต์แบบเอเซีย คนที่มาแถวนี้ก็แต่งตัวกันเปิ๊ดสะก๊าดดี สาวๆกรีกส่วนมากตาโตคิ้วเข้มจมูกคมเหมือนรูปแกะสลักหิน สวยดี
เดินไปตามถนนมีของอร่อยอย่างหนึ่งที่ถูกและหากินง่ายเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา นั่นคือ Gyro เรียกตามแบบอังกฤษก็เรียกว่า ไจโร หรือเรียกตามแบบกรีกว่า กีโร เป็นเหมือนแซนด์วิชหมูย่างใส่โยเกิร์ต แป้งแซนด์วิชเป็นแป้งแผ่นกลมๆแบนๆเรียก Pita Bread คล้ายๆแป้งนานหรือโรตีแบบแขก แต่หนากว่าหน่อย ส่วนหมูย่างนั้นย่างเป็นแบบบาร์บีคิวแนวตั้ง แต่ละร้านร้านเขาจะจะมีเตาแบบที่มีเหล็กความร้อนวางเป็นแนวตั้ง หน้าเหล็กความร้อนมีแกนแหลมๆสูงๆเอาไว้เสียบหมู หมูที่เขาใช้เป็นหมูหมักชิ้นขนาดสเต็ค เสียบทับลงไปไม่รู้กี่ชิ้น จากนั้นก็หมุนให้สุก เวลาสั่งไจโร คนขายเขาก็จะเอามีดไปปาดๆผิวของท่อนหมูมหึมาที่หมุนได้นี้ หล่นลงมาเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้ากับน้ำมันจากหมูย่างที่หยดลงมา แล้วก็รวบรวมมายัดๆใส่ในพีต้า เบรด พับครึ่ง หั่นมะเขือเทศใส่ลงไปสองสามชิ้น ปาดโยเกิร์ตลงไป บางที่เขาจะเสียบเฟรนช์ฟรายส์มาให้ด้วยสองสามชิ้น ท่อนหมูที่เขาหมุนนั้นก็หมุนไปปาดขายไปได้ทั้งวัน ตามร้านไจโรทุกที่นอกจากไจโรแล้วเขาก็จะมีหมูย่างก้อนๆเสียบไม้เรียกว่า Suvlaki อ่านว่า ซูฟลากี ไม้หนึ่งมีหมูประมาณสี่ห้าก้อน จิ้มกินกับโยเกร์ต กินสองไม้ก็อิ่มแปร้
ระหว่างที่เดินไปไหนมาไหนฉันมักจะสังเกตป้ายตามทางเอาไว้เผื่อหลง เห็นว่าภาษากรีกอ่านไม่ค่อยยากเพราะมีตัวอักษรแบบภาษาอังกฤษอยู่หลายตัว บางชื่อก็พอเดาๆได้ แต่ที่ทำให้สับสนอยู่บ้างคือตัวอักษรบางตัวที่ต่างไปจากภาษาอังกฤษโดยสิ้นเชิง เช่นที่เห็นเขียนเป็นตัว B ภาษากรีกจะออกเสียงแบบ V ที่เห็นเป็นตัว ^ หรือวีคว่ำออกเสียงเป็นตัว L ส่วนที่เห็นตัว H ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจะต้องออกเสียงเป็นตัว I ที่เห็นเป็น X ออกเสียงเป็น H ที่เห็นเขียนตัว P แต่ออกเสียงแบบ R ส่วนที่ต้องออกเสียง P นั้นเขาใช้สัญลักษณ์ π (Phi) และที่ต้องออกเสียง D ใช้สัญลักษณ์ ∆ (Delta) เป็นต้น แรกๆก็มึนงงอยู่บ้างแต่สองสามวันก็เริ่มอ่านได้
จะว่าไปลักษณะเมืองเอเธนส์นี้ก็คล้ายๆกับกรุงเทพอยู่เหมือนกัน คล้ายตรงที่ว่ามีเมืองเก่าโบราณเป็นศูนย์รวมใจของผู้คน บ้านเรือนของคนธรรมดาส่วนมากเป็นตึกแถว เป็นแฟลตเล็กๆ ทางเท้าส่วนมากแคบๆ บางทีต้องเดินหลบท่อหรือขี้หมา มีหมาหลงแมวหลงเดินหนังย่นอยู่ตามซอกตึก มีร้านขายของชำ ร้านขายเนื้อสด ร้านซ่อมเสื้อผ้า แฟชั่น มินิมาร์ท ร้านขายอาหารตามตึกแถวข้างถนน ตั้งสลับกันไป ผู้คนก็อาศัยอยู่ในละแวกที่มีการค้าขายนี้ คนมีเงินมากก็อยู่ใกล้เมืองตึกเก่าๆสวยๆ เงินน้อยลงไปก็อยู่ไกลออกไปในละแวกตึกแถวโทรมๆ ในเมืองมีรถติด มีควันเหม็นไม่ต่างจากบ้านเราเท่าไร และด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ผู้คนจึงมีใจใฝ่อดีตและอนุรักษ์มรดกที่บรรพบุรุษสร้างมา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับโจทย์เรื่องการมองไปข้างหน้าด้วย
ระบบการปกครองของกรีกนี้เป็นระบบคล้ายๆกับบ้านเราคือเป็นประชาธิปไตยแบบรัฐสภา หรือ Parliamentary ต่างกันตรงที่เขาเลิกมีกษัตริย์ไปนานแล้วและเป็นชาติที่เคยมีเชื้อสังคมนิยมเจือปนอยู่สูง เอมาน่วลพาไปดูตึกรัฐสภาใหญ่โตหรูหรา เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์ออตโตในสมัย ค.ศ. 1832 และมาเปลี่ยนเป็นระบอบรัฐสภาใน ค.ศ. 1911 ก็เมื่อประมาณเก้าสิบกว่าปีมานี้ นับดูแล้วเขาเป็นพี่เราประมาณยี่สิบกว่าปีในการใช้ระบอบประชาธิปไตย เอมาน่วลว่าถึงอย่างนั้นก็เถอะ คนที่นั่งอยู่ในรัฐสภาที่นี่ก็มีแต่พวกบ้องตื้นไม่ต่างกันทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครอยากแก้ปัญหาคอรัปชั่นในกรีซกันจริงๆจังๆซักที
ระหว่างเดินกลับบ้านฉันถามเอมาน่วลว่าในเอเธนส์มีที่ไหนมีอนุสาวรีย์หรือชื่อถนนที่เขาตั้งเป็นเกียรติแก่ โสเครตีส อริสโตติ้ล หรือเพลโต้ ให้ไปดูไหม เอมาน่วลคิดอยู่นาน แล้วตอบขำๆว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย พวกนักปรัชญานี้เขาถือเป็นพวกนอกรีต เขาไม่คิดเอามาเป็นเยี่ยงอย่างให้เด็กสมัยใหม่เดินตามหรอก ขืนทุกคนอยากเป็นอริสโตเติ้ลกันหมด บ้านเมืองก็แย่ซิ
นั่นสินะ ขืนทุกคนคิดเป็นหมดแล้วพวกบ้องตื้นที่เอมาน่วลพูดถึงจะยังคอรัปชั่นกันอยู่ได้ยังไง.